วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558

[Study in Sogang] - เยี่ยมโรงอาหารที่ซอกัง



วันนี้จะพามาเยี่ยมโรงอาหารของม.ซอกัง

บอกก่อนเลยว่าครั้งแรกที่เข้ามาใช้บริการโรงอาหารที่นี่ งงมาก เพราะมันค่อนข้างเป็นระบบและทันสมัยมาก ...




เข้ามาถึงโรงอาหาร อันดับแรกเลยต้องมาส่องก่อนว่าวันนี้มีเมนูอะไร ปกติแล้วเมนูจะเปลี่ยนไปทุกวันไม่ซ้ำกัน ราคาก็จะอยู่ที่ 1800 วอน - 3500 วอน ... ถูกกว่าข้างนอกเยอะมาก ส่วนเรื่องรสชาตินั้น ... ตัดสินกันเอาเองเนาะ


เลือกเมนูได้แล้วก็ถึงเวลาไปรับซื้อคูปอง โรงอาหารที่นี่ไม่ได้ต่อแถวซื้อคูปองแบบบ้านเรา ที่นี่เป็นแมชชีน สามตู้ตั้งเด่นเป็นสง่า เลือก! 


 กดเลือกเมนูเรียบร้อยแล้ว ก็รับคูปอง



วันนี้เลือกกินเมนู 2500 วอน ประมาณ 75 บาทไทย เป็นเมนูราคายอดฮิตที่เด็กที่นี่ทานกัน ได้คูปองมาแล้วก็ถึงเวลาเดินเข้าไปในโรงอาหารจริงๆ กันสักที ... 



โรงอาหารที่นี่ไม่ใหญ่มาก เป็นระเบียบเรียบร้อย จัดเป็นสัดส่วน และทุกคนเข้ามาเพื่อทานอาหารกันจริงๆ เราไม่เคยเห็นบรรยากาศการจองโต๊ะหรือการเอาการบ้าน งาน มาทำกันในนี้ ...เรามาเพื่อกินกันจริงๆ เนาะ :) 



นี่เป็นส่วนของร้านอาหารที่(ปกติ)เราต้องมาต่อแถวเพื่อรับอาหาร แต่วันนี้คนน้อย ไม่ต้องต่อแถว พุ่งตรงไปรับได้เลย ...



รับอาหารเสร็จแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้ของอาหารเกาหลีก็คือ เครื่องเคียง ซึ่งของที่นี่เป็นแบบบริการตัวเอง ตักเท่าที่ตัวเองต้องการ เมนหลักทุกวันที่ต้องมีคือ กิมจิ!  นั่นเอง แต่คนที่นี่กินกันเก่งมาก เยอะมากกกกกก... ทำให้เราต้องกินเยอะตามไปด้วย (หรา)






 หน้าตาอาหารที่เลือกมา จำชื่อไม่ได้แล้ว แต่ปกติเมนู 2500 วอน จะไม่มีเนื้อสัตว์ (ฮ่าๆ ) ... แต่ที่โป๊ะหน้าตอนนี้น่าจะเป็นทูน่านะ 


กินๆ กันให้เกลี้ยง หรือไม่เกลี้ยง แต่เมื่อกินเสร็จแล้ว ต้องมาคืนถาดอาหาร ... ขนาดการคืนถาดยังทันสมัยเลย ดูดิ 



แยกถาด แยกช้อน แยกซ้อม อีโมด้านหลังจะได้ไม่เหนื่อยมากเนาะ ...



เหมือนโรงอาหารที่อื่น มีน้ำดื่มบริการให้ฟรี มีกระดาษทิชชู่และกระจกให้เช็คตัวเองก่อนออกไปพบโลกภายนอกด้วย ... เจ๋งเว่อร์ !!!




https://www.facebook.com/sogangbychickimilk/

หวังว่าจะมีโอกาสได้อัพเนื้อหาใหม่ๆ อีกนะ

ตอนนี้เปิดเพจแล้ว ไปกดไลค์กันได้ค่าาา...

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

한국에서 알게된 것

한국에서 알게된 것

나는 태국에 있을때 한국 드라마를 별로 안 봐서 한국에 대한 것을 조금 밖에 몰랐다. 그래서 한국에 오기 전에 '한국사람 문화'라고 검색해 보니까 생각했던 것과 좀 달았다. 왜냐하면 검색하기 전에 장점만 신경을 썼다. 한국은 아늑한 나라인 줄 알았다.

첫 번째는 물가가 비싸지 않은 줄 알았다. 아무나 먹고싶으면 그냥 자유럽게 살 수 있을 줄 알았다. 정확히 그렇지 않다. 나는 원래 우유를 좋아해서 태국 있을 때 날마다 우유를 마셨다. 태국에 이쓸 때 1000 원으로 우유를 사면 3-4 개 살 수 있었는데 한국에서 사면 1 개 못 살 수 있다. 그래도 한국 우유를 마셔 보니까 태국 우유보다 더 맛있다. 다양한 음식도 많이 있다. 그러니까 엄마랑 이야기해야 한다. 엄마랑 이야기할 때 엄마가 하국 생활이 생각보다 돈이 든다고 했다. 엄마가 아르바이트를 했으면 좋겠다고 했다. 그 다음에 나는 한국 아르바이트 생활을 시작했다. 다행히 아는 태국 친구 나한테 연락했다. 요즘 취직하는 사람이 없어서 같이 일하면 좋겠다고 했다. 그 때 기분이 정말 기뼜다.

두 번째, 발음 문제이다. 나는 한국에 처음 왔을 때 한국어 발음에 신경을 안 섰다. 식당에 가서 주문할 때 고생이 많이 했다. 내가 아저씨한테 제육볶음을 달라고 했는데 발음 안 좋아서 새우볶음밥이 나온 적이 있다. 그리고 그 아저씨는 내가 한국말 잘 못 해서 매번 식당 갈 때 인사하면서 웄는다.

새 번째를 한국어를 공부하는 것이다. 여기서 공부하기 전에 한국에서 1년 동안 공부하면 자연스럽게 말할수 있을 줄 알았다 사실은 그렇지 않다. 지금은 아직 간단한 문장만 이야기할 수 있다. 또 3 급 문법 별로 사용하지 않는다. 정말 후회된다.


วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

지금 사는 집


지금 사는 집 
 

      지근 사는 곳을 고시원인데, 친구가 추천해 줘서 구했다. 지난 달부터 살았으니까 이 집에서 산 지 거의 1 개월 됐다. 방의 크기는 잘 모르겠지만 10-20 m 정도 된다. 안 크 긴 하지만 지난 방에 살았던 집보다 더 크다.

     우리 시난 집은 고시텔인데, 그 집이 정말 작다. 작긴 했지만 월세가 싸서 5 개월 동안 살았다. 처음에는 다른 곳으로 이사하고 싶지않았다. 근데 5 개월 동안 살아쓰니까 물건이 많아졌다. 또 인터넷하고 와이파이가 안 잘 됐다.

     저음 지금 사는 집에 가서 집주인 만났을 때 갑자기 이사하고 싶었다. 짐주인이 예쁘다고 하서 깎아 줄거라고 했다. 나는 화장실 없는 방을 마음에 들다. 그 방은 원래 가격을 38만원인데, 나는 35만원 내면 된다. 월세에, 전기 요금, 수도 요금이 포함된다. 아무리 이사하는 것이 힘들어도 꼭 이사해야 했다.

     여러 번 갔다 와야 하긴 했지만 이사를 잘 했다. 우리 집은 학교에서 가까워서 편한 편이다. 또한 앞에는 맥도날도와 편의점이 있다. 그리고 여러 가지 식당도 많이 있다. 요리하고 싶을 때 부엌을 자유롭게 사용해도 된다. 무료로 김치, 밥, 라면이 제공된다. 내 방은 2 층에 있고, 다 화장실이 없는 방이다. 화장실을 같이 사용하 긴하지만 깨끗하다. 또 시끄러운 사람이 없어서 공부도 잘 할 수 있다. 인터넸하고 와이파이가 둘 다 잘 되어서 정말 마음에 든다.

     이런 집이 좋긴 하지만 단점도 있다. 고시원이라서 방이 좁은 편이다. 그런데 지난 집보다 더 크다. 주의해야 하는 규칙도 있다. 빨래할 때 am 10 시 -  pm 10 시까지 해도 된다고 했다. 나는 다른 단점을 생각할 ㅅ 없다. 아마 월세가 더 싸면 좋은 것 같다.

     그러나 집주인이 친절해서 앞으로도 계속 이 집에 살고싶다. 또한 짐이 많아서 다른 집에 이사하고 싶지 않다. 여기에는 11월까지 살기로 했다 . !!






ซื้อสติ๊กเกอร์ติดคีย์บอร์ดมาใหม่ จึงทดลองพิมพ์เกาหลี สนุกมากกก... ไว้วันหลังจะพิมพ์เก็บไว้อีก

:)










วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

[Study in Sogang] - หาที่หลับ ที่พัก ที่นอน




ถึงเวลาหาที่นอนกันแล้ว ...
อย่างที่เคยบอกไปว่าที่พัก ณ ประเทศแห่งนี้มีหลายแบบ ด้วยความที่ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนเลย เราจึงเริ่มต้นจากการเสิร์ชข้อมูลที่พักหลายๆ แห่ง แล้วมาเดินหาเอาอีกที  ตอนแรกคิดว่าสบาย ไม่ยากหรอก หาได้แน่ๆ ... แต่ มันก็ยังไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

เราเริ่มเดินหาที่พักจากมหาวิทยาลัยซอกัง และด้วยความใสซื่อ เราก็นั่งซับเวย์จากสถานีฮงแด(สายสีเขียว) มาลงสถานีมหาวิทยาลัยซอกัง(สายสีฟ้า)  เพื่อมารู้ทีหลังว่าจากฮงแดเราสามารถลงที่สถานีชินชน(สายสีเขียวได้) และนั่งเพียงสถานีเดียว ต่อเดียว ไม่ต้องเปลี่ยนสายใดๆ ...

จุดเริ่มต้นในการหาหอพักอยู่ที่มหาลัย แต่เราก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าหอพักส่วนใหญ่มันอยู่ส่วนไหนกันบ้าง เราจึง "มั่ว" ...คงคอนเซปต์มั่วเท่านั้นที่ครองโลก

ในที่สุดเราก็บังเอิญเจอผู้หญิงเกาหลีคนนึง น่ารักมาก ...น่ารักครั้งที่1 หมายถึงหน้าตา และน่ารักครั้งที่ 2 คือนิสัย ... เธอคนนี้เป็นคนช่วยพาเราเดินหาตึกเรียน(ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่รู้) และพาไปเดินหาหอ (ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่รู้อีกเช่นกัน) ผู้หญิงคนนี้ชื่อจูวอน ... จูวอนเป็นนักศึกษาเศรษฐศาสตร์ ปี2 ของมหาลัยซอกัง ในเช้าวันที่เราเจอกัน จูวอนกำลังจะไปโบสถ์ คนเกาหลีส่วนใหญ่ไม่พูดภาษาอังกฤษ แต่จูวอนพูดได้และเราคิดว่าจูวอนพูดได้ดีด้วย จูวอนขอโทษเราก่อนจะเริ่มช่วยแล้วบอกว่าขอโทษที่ภาษาอังกฤษของเขาไม่ดี ตอนปี1 จูวอนเทคคอร์สภาษาอังกฤษ แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เรียนอีก ... แต่เราว่าจูวอนพูดได้ดีมากเลย ศัพท์บางคำเป็นศัพท์ที่ออกแนวจะวิชาการนิดๆ ด้วยซ้ำ

จูวอนช่วยเราเดินหาหอสักพัก แล้วขอตัวไปโบสถ์ เราขอไอดีจูวอนไว้ เราได้คุยกันทาง KaKao บ้างในช่วงที่เรามาเกาหลีช่วงแรกๆ เวลาเราสงสัยภาษาเกาหลี หรือมีประโยคอะไรที่อยากรู้ เราก็ส่งให้จูวอนช่วยดูให้ แต่ตอนนี้ไม่ได้คุยกันแล้ว  และจากวันนั้นจนถึงวันนี้เราก็ยังไม่ได้เจอจูวอนอีกเลย แต่ถึงยังไงเรารู้สึกดีใจมาก ที่วันนั้นได้เจอกัน และได้รับความช่วยเหลือจากจูวอน ...จำได้ว่าบทสนทนาสุดท้ายในแชท น่าจะเป็นตอนที่เราต้องจองบัตรคอนเสิร์ต แต่อ่านวิธีจองไม่รู้เรื่อง เลยส่งไปให้จูวอนช่วยดูให้ ว่าแล้ว เราก็น่าจะลองทักจูวอนไปอีกครั้ง..ขอบคุณอีกสักครั้ง

กลับมาเรื่องที่พัก ...  แม้ว่าเราจะเจอที่พักหลายที่ แต่เราก็ไม่สามารถเข้าไปดูด้านในได้ เพราะว่าไม่มีโทรศัพท์ ที่พักส่วนใหญ่จะต้องโทรสอบถามก่อนเขาถึงจะเปิดประตูให้ เลยค่อนข้างลำบาก ที่พักที่เสิร์ชมาส่วนใหญ่ก็หาไม่ค่อยเจอ เพราะงงเรื่องโลเคชั่นกัน และมีบ้างที่เข้าไปดูได้แต่ยังไม่ถูกใจ

ทำไมถึงไม่ถูกใจ ?
เราตั้งงบประมาณที่พักมาจำกัด ตั้งใจจะหาหอที่ราคาไม่เกิน 300,000 วอน หรือประมาณ 9000 บาท/เดือน มีราคานี้และถูกกว่านี้ แต่ขนาดห้องนี่สิ ทำเอาลำบากใจ ที่เคยคิดว่าเล็กยังไง ของจริงเล็กกว่านั้นมากกกกกกกก...  หรือบางที่ห้องถูกใจแต่สิ่งอำนวยความสะดวก ไม่สะดวกใจ เช่น ไม่มีรามยอนฟรี (สิ่งนี้สำคัญมากในการดำรงชีวิต) ไม่มีอินเทอร์เน็ต (ขาดได้ที่ไหน) ไม่มีลิฟต์(ห้องอยู่ชั้น4 แต่ไม่มีลิฟต์ก็ใจร้ายกันเกินไป) ...และอื่นๆ

ผลสรุปสุดท้ายในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน เราค้นพบคำว่า 하숙집 หรือ ฮาซุกจิบ
ที่พักแบบฮาซุกจิบเป็นเหมือนบ้าน ส่วนใหญ่เจ้าของจะเป็นอาจุมม่าหรือคุณป้า ที่พักแถวมหาลัยมีฮาซุกจิบมากกว่าโกชีวอนเสียอีก ไปดูมาหลายที่ แต่ราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ส่วนใหญ่ฮาซุกจิบจะ 400,000 วอนขึ้นไป เกินงบมากเหลือเกิน ไม่สู้ ._.) แต่ที่สุดท้ายที่แวะ ราคาถูกใจ ห้องถูกตาที่สุด  ...ในที่สุดเราจึงได้ที่พักแบบฮาซุกจิบในราคาคนละ 280,000 วอน ห้องนี้อยู่กัน 3 คน ห้องน้ำแยก มีตู้เย็นในห้อง และห้องกว้างกว่าที่คิดไว้ตอนแรกมาก เฟอร์นิเจอร์ก็ครบ ห้องพักนี้อยู่ฝั่งชินชน ใช้เวลาเดินไปซอกังประมาณ 20 นาทีได้

ตอนนั้นเราไม่ได้คิดอะไรมาก ขอให้มีที่นอนก่อนสักเดือนแล้วไว้ค่อยหาใหม่เลยตัดสินใจเลือกที่นี่ หรือถ้าดีก็อาจจะอยู่ยาว วันแรกที่ย้ายเข้ามาอะไรๆ ก็ดูน่าตื่นเต้นไปหมด อย่างแรกคงเป็นเพื่อนร่วมหอ ที่ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาเกาหลี (ย่านนั้นมี ม.ซอกัง ยอนเซ อีแด) ข้อดีของฮาซุกจิบ คือเราจะได้เจอเพื่อนร่วมหอชาวเกาหลีแท้ๆ ในเวลากินข้าวเช้าและเย็น เพราะต้องกินในห้องครัว เป็นโอกาสที่เราจะได้ฝึกภาษา และการอยู่ร่วมกันกับคนเกาหลีทำให้เราได้รู้ว่า การทักทายนั้นสำคัญมาก วันแรกที่เข้ามาอยู่ เราพูดอันนยองฮาเซโยตั้งแต่ชั้น 1 จนถึงชั้น 3 ...เจอใครก็ต้องทักทาย ไม่รู้จักมาก่อนก็ต้องทัก สวนกันหน้าห้องน้ำ อั้นฉี่กันมาก็ต้องแวะทักก่อนเข้าห้องน้ำ..โอ้ว มันสำคัญจริงๆ นะ




แต่พออยู่ได้ไม่กี่วัน เราก็พบความไม่สะดวกหลายอย่าง ที่พักแบบฮาซุกจิบ เจ้าของบ้านจะทำอาหารให้เรา 2 มื้อ เช้าและเย็น เหมือนจะสบายเลยเนาะ แต่มันขัดกับสไตล์ของเราไปนิดนี่ดิ เมื่ออาจุมม่าทำอาหารให้เราทาน เราจึงไม่สามารถใช้ครัวเขาได้ นี่แหละปัญหาหลัก มาม่าและผงอาหารสำเร็จรูปต่างๆ ที่หอบมาคล้ายว่าจะเป็นหมันไปเลย นอกจากนั้นยังมีปัญหาเรื่องการเดินทางไปเรียน สิริรวมแล้ว 30 นาทีกว่าๆ ได้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้นำไปสู่การหาที่พักใหม่ในที่สุด

ดังนั้นแนะนำเลยว่า ใครมีไลฟ์สไตล์ที่ชอบหาอะไรกินเอง ชอบทำกับข้าว ต้มมาม่ากลางดึกอะไรทำนองนี้ ไม่แนะนำให้อยู่ฮาซุกจิบ เพราะเขาไม่อนุญาตให้เราใช้ครัว และอาหารที่ทำให้ทานนั้นก็เป็นเวลา ...ถ้าไม่ค่อยได้กิน จะไม่ค่อยคุ้มเนาะ




ที่พักแบบฮาซุกจิบ ห้องกว้างขวาง ออริจินัลของห้องนี้มีเตียง แต่พออยู่กันสามคนนอนเตียงไม่ได้ เราจึงต้องเอาเตียงออก ...


พอมีโทรศัพท์การหาหอง่ายขึ้นมากกกกก...อยากเข้าไปดูหอไหนแค่โทรไป เจ้าของก็พร้อมกดปุ่มเปิดประตูให้ หาหอใหม่แต่เรายังคงยึดงบประมาณเป็นหลักเช่นเดิม ที่เพิ่มเติมเป็นเรื่องของโลเคชั่น พยายามเลือกที่ใกล้ที่สุด เทียบระหว่างฝั่งซอกังและฝั่งชินชน เราชอบฝั่งชินชนมากกว่า เพราะมากมายไปด้วยร้านอาหาร(มากจริงๆ) มีผู้คนเยอะดี ถึงจะไม่รู้จักอะไรกับเขา แต่เห็นคนเดินไปเดินมาแล้วมันสบายใจกว่าฝั่งเงียบๆ ของซอกัง

ในที่สุดเราก็ได้ที่พักที่ใหม่ เป็นโกชีเทล เป็นที่พักที่เราเคยอยากเข้าไปดูแต่ตอนนั้นไม่มีโทรศัพท์ ชอบที่นี่เพราะโลเคชั่น ลดเวลาเดินทางได้ประมาณ 15 นาที (มีเวลานอนอืดเพิ่ม) ส่วนราคานั้นก็เท่าเดิม ห้องละ 280000 วอน ส่วนเรื่องขนาดห้องนั้น ... รูปเดียวจบ ครบทุกมุม ตามสไตล์ค่าที่แพงของเกาหลีมาก


ทุกครั้งที่มีใครถามเรื่องห้องพักเรา เราจะบอกว่าขนาดเท่ากับโลงศพสองโลงที่หลังคาสูง เพราะมันเล็กจริงๆ ถามว่าสะดวกไหม มันก็คงไม่ถึงกับสะดวกแต่มันอยู่ได้ และเราต้องการแค่อยู่ได้ ไม่ได้ต้องการความสะดวกสบายอะไรมาก เราอยู่หอพักนี้ 5 เดือน โดยไม่มีความคิดจะย้ายออก เพราะการย้ายแต่ละครั้งนั้นมันเหนื่อยมากกกก... แต่แล้ววันนี้เราก็ได้ย้ายหออีกครั้ง


การย้ายหอครั้งที่ 3 เกิดขึ้นจากการที่เราไปเดินหาหอให้เพื่อนคนนึงที่กำลังจะย้ายมาเรียน และหอนี้เป็นหอที่เราไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาดู และเป็นหอสุดท้ายที่เราเดินเข้าไปถามและตัดสินใจย้ายทันที

หอใหม่อยู่ไม่ไกลจากหอเก่าเลย ยังอยู่ที่ฝั่งชินชนและเป็นฝั่งรวมแหล่งร้านอาหารด้วย เราเจอหอนี้แบบไม่ได้ตั้งใจ เห็นประตูเปิดอยู่เลยเดินเข้าไปถาม เจอเจ้าของหอเป็นคุณตา ที่เราตัดสินใจย้ายเพราะขนาดห้อง และเขาลดราคาให้แบบ อู้หู้ววว...ไม่ย้ายไม่ได้ การย้ายครั้งนี้เรายอมเหนื่อย เพื่อห้องแสนสบาย หอใหม่นี้ราคาอยู่ที่ 350,000 วอน ประมาณ 10,000 บาท ถ้าเทียบกับอยู่ที่ไทย ราคาเท่านี้ผ่อนคอนโดหรูๆ ได้สบายเลยเนาะ ...แต่ก็อย่างว่ามันต่างกัน 



ห้องใหม่กว้างกว่าเดิม 3 เท่าได้ ..รูปเดียวไม่จบแล้ว 
ห้องใหม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทีวี ตู้เย็น แอร์ (ทีวีเป็นสิ่งที่เราอยากมีมานานแล้ว) 
แต่ก็ยังคงไม่มีห้องน้ำ ด้วยความที่ห้องพักในเกาหลีมันไม่ได้ใหญ่มาก พอมีห้องน้ำเรารู้สึกมันแปลกๆ ไม่ใช่แนว ชอบแบบไม่มีห้องน้ำมากกว่า ดูห้องทีไรก็สบายใจเลือกไม่มีห้องน้ำดีกว่า 



และเพราะความกว้างขึ้นของห้อง ทำให้เรามีกะจิตกะใจทำอะไรมากกว่าการนอนอืดบนเตียง เพราะเรามีพื้นที่ในการทำสิ่งที่คิดถึงแล้ว ... การย้ายหอใหม่นี้ทำให้เราตั้งใจกลับมาเขียนบล็อกอีกครั้ง (ขนาดของห้องช่วยให้ความขี้เกียจลดลงจริงมั้ง)  

น้องเบ้งก็ได้นอนสบายตัวขึ้น ไม่ต้องเบียดกัน 



สรุปการจองที่พักในเกาหลี ถ้าใครจะมาเรียนก็สามารถเข้าไปดูเวบไซต์ต่างๆ ของที่พักได้ และสอบถามเขาได้ทางเมลล์ ที่พักส่วนใหญ่จะให้เราวางมัดจำก่อนย้ายเข้ามาอยู่จริง ถ้าเราอยู่ต่างประเทศก็ต้องโอนเงินมาให้เขาก่อน หรือถ้าใครสบายใจอยากดูห้องด้วยตาตัวเองก็มาเดินหาแบบเราได้ เรื่องราคานั้น เราสามารถต่อรองกับเจ้าของหอได้ ถ้าพูดดีๆ หรือเขาถูกชะตากับเรา เขาจะลดราคาให้ ...




ไม่เหมือนการแนะนำการหาหอเลย เหมือนมาอวดห้องมากกว่า (ฮ่าๆ)

ไว้เจอกันรอบหน้า จะเริ่มเล่าเรื่องการเรียนที่ซอกังแล้ววว :)


Contact :
Twitter @CHICKIMILK



วันเสาร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2558

[Study in Sogang ] - เรื่อยๆ ก่อนเรียน



มีเวลาเกือบสองอาทิตย์ก่อนจะเปิดเทอม  ช่วงนี้จึงออกสำรวจพื้นที่ใกล้เคียงบ้าง ส่วนตัวเคยมาเกาหลีแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกมากับทัวร์ ครั้งที่ 2 มาเอง ... ความรู้สึกแตกต่างกันทุกครั้ง และครั้งที่ 3 ครั้งนี้ ... ก็แตกต่างจากครั้งอื่นเช่นกัน ...

ช่วงที่เดินทางมาถึงกำลังเข้าฤดูหนาว ใบไม้กำลังจะร่วง ตามถนนยังคงเหลือความงามของสีเหลืองแดงบนต้นไม้ใหเชยชมบ้าง ร่วงโรยตามทางเดินบ้าง

รูปส่วนใหญ่อยู่ในย่านมหาวิทยาลัยฮงอิก อากาศปลายเดือนธันวาอยู่ในระดับ 10 องศาต้นๆ ตัวใส่หนาๆให้อุ่นเข้าไว้ แต่มือกับเท้าต้องดูแลดีๆ หน่อย ต้องคอยซุกมือไว้ในเสื้อกันหนาวตลอดเวลา มือแข็ง ปวดมือจนหยิบกล้องออกมากดชัตเตอร์แทบไม่ได้เลย ส่วนเท้าต้องใส่ถุงเท้าหนาๆ คู่เดียวอาจจะเอาไม่อยู่ เท้าชาเดินไปไหนต่อไม่ได้เลย


 ย่านฮงอิกในวันทำงาน มีพนักงานบริษัทเดินไปมาเยอะเลย


ยังมีสีเหลืองสีแดงให้ได้ชมกันอยู่ ตอนแรกนึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว :)  

 สิ่งหนึ่งที่ชอบในประเทศเกาหลีคือ Subway หรือรถไฟใต้ดิน 
ที่ทำให้ประเทศนี้การเดินทางมันสะดวก ง่ายและรวดเร็ว  

บรรยากาศของประเทศนี้ยังน่าเดินเช่นเดิม อากาศช่วงนี้ดีเดินได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อเลย  






ถัดจากสถานีมหาวิทยาลัยฮงอิกจะเป็นสถานีชินชน 
เป็นย่านมหาวิทยาลัยเช่นกัน อีฮวา ยอนเซ ซอกัง อยู่ในย่านนี้ทั้งหมดเลย 








ประเทศนี้ผู้ชายเยอะกว่าผู้หญิง (ร้อนตัว) ประชากรในรูปจึงมีเพศชายซะส่วนใหญ่ค่า ^^ 

เดินเล่นๆ ได้คร่าวๆ ประมาณนี้แล



วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2558

#20FactsOfMytwitter




"20 Facts of My Twitter" #20FactsOfMyTwitter


1. According to Tweetcaster application, I have started using Twitter since 2010.Jan.02. Therefore today is the 5th Anniversary for my http://www.twitter.com/CHICKIMILK 

2. @CHICKIMILK is my first account 

3. @Obojama is the reason why I have started using Twitter

4. But no more this account on my timeline 

5. I take twitter as learning area to practice English. Building up the sentence, making mistake and error in one phrase and it work perfectly. It has helped me a lot.

6. So that's why I am typing  to my twitter in English

7. I have more than 2 accounts now

8. It's been a year since I hardly have entered to @CHICKIMILK 's timeline. I have accessed it to tweet but I have used another account to read timeline.

9. The reason why I have another account, I couldn't find anything catching up my mind while I scrolled down on screen so I got new one and finally I have felt 'That's it'. 

10.In another account, I ignore to follow someone I know in real life. 

11. My tweet's style has changed year by year, depend on my interest

12. 2 years ago, I was prone to love to tweet more than current time. 

13. I prefer tweeting through web (computer) to application (cellphone)

14. Honestly, I am not familiar with my first account's timeline. I can scroll it down not over 1 minute. 

15. Sometimes I tweet to impress others. Sometimes I realized this  was pretentious 

16. I tweet what I want to share whether there's someone interested or not 

17. I will unfollow whoever I want whether we know each other or not, There' s the fine line between real life and twitter life. Be careful !

18. I don't worry much about follower, I see the movement but I haven't checked who did unfollow. Caring the number of followers is sound nonsense for me 

19. Now I prefer reading to tweeting 

20. No matter what happen, I am addicted to Twitter.





Happy 5th Anniversary to you @CHICKIMILK