วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

[Study in Sogang] - หาที่หลับ ที่พัก ที่นอน




ถึงเวลาหาที่นอนกันแล้ว ...
อย่างที่เคยบอกไปว่าที่พัก ณ ประเทศแห่งนี้มีหลายแบบ ด้วยความที่ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนเลย เราจึงเริ่มต้นจากการเสิร์ชข้อมูลที่พักหลายๆ แห่ง แล้วมาเดินหาเอาอีกที  ตอนแรกคิดว่าสบาย ไม่ยากหรอก หาได้แน่ๆ ... แต่ มันก็ยังไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

เราเริ่มเดินหาที่พักจากมหาวิทยาลัยซอกัง และด้วยความใสซื่อ เราก็นั่งซับเวย์จากสถานีฮงแด(สายสีเขียว) มาลงสถานีมหาวิทยาลัยซอกัง(สายสีฟ้า)  เพื่อมารู้ทีหลังว่าจากฮงแดเราสามารถลงที่สถานีชินชน(สายสีเขียวได้) และนั่งเพียงสถานีเดียว ต่อเดียว ไม่ต้องเปลี่ยนสายใดๆ ...

จุดเริ่มต้นในการหาหอพักอยู่ที่มหาลัย แต่เราก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าหอพักส่วนใหญ่มันอยู่ส่วนไหนกันบ้าง เราจึง "มั่ว" ...คงคอนเซปต์มั่วเท่านั้นที่ครองโลก

ในที่สุดเราก็บังเอิญเจอผู้หญิงเกาหลีคนนึง น่ารักมาก ...น่ารักครั้งที่1 หมายถึงหน้าตา และน่ารักครั้งที่ 2 คือนิสัย ... เธอคนนี้เป็นคนช่วยพาเราเดินหาตึกเรียน(ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่รู้) และพาไปเดินหาหอ (ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่รู้อีกเช่นกัน) ผู้หญิงคนนี้ชื่อจูวอน ... จูวอนเป็นนักศึกษาเศรษฐศาสตร์ ปี2 ของมหาลัยซอกัง ในเช้าวันที่เราเจอกัน จูวอนกำลังจะไปโบสถ์ คนเกาหลีส่วนใหญ่ไม่พูดภาษาอังกฤษ แต่จูวอนพูดได้และเราคิดว่าจูวอนพูดได้ดีด้วย จูวอนขอโทษเราก่อนจะเริ่มช่วยแล้วบอกว่าขอโทษที่ภาษาอังกฤษของเขาไม่ดี ตอนปี1 จูวอนเทคคอร์สภาษาอังกฤษ แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เรียนอีก ... แต่เราว่าจูวอนพูดได้ดีมากเลย ศัพท์บางคำเป็นศัพท์ที่ออกแนวจะวิชาการนิดๆ ด้วยซ้ำ

จูวอนช่วยเราเดินหาหอสักพัก แล้วขอตัวไปโบสถ์ เราขอไอดีจูวอนไว้ เราได้คุยกันทาง KaKao บ้างในช่วงที่เรามาเกาหลีช่วงแรกๆ เวลาเราสงสัยภาษาเกาหลี หรือมีประโยคอะไรที่อยากรู้ เราก็ส่งให้จูวอนช่วยดูให้ แต่ตอนนี้ไม่ได้คุยกันแล้ว  และจากวันนั้นจนถึงวันนี้เราก็ยังไม่ได้เจอจูวอนอีกเลย แต่ถึงยังไงเรารู้สึกดีใจมาก ที่วันนั้นได้เจอกัน และได้รับความช่วยเหลือจากจูวอน ...จำได้ว่าบทสนทนาสุดท้ายในแชท น่าจะเป็นตอนที่เราต้องจองบัตรคอนเสิร์ต แต่อ่านวิธีจองไม่รู้เรื่อง เลยส่งไปให้จูวอนช่วยดูให้ ว่าแล้ว เราก็น่าจะลองทักจูวอนไปอีกครั้ง..ขอบคุณอีกสักครั้ง

กลับมาเรื่องที่พัก ...  แม้ว่าเราจะเจอที่พักหลายที่ แต่เราก็ไม่สามารถเข้าไปดูด้านในได้ เพราะว่าไม่มีโทรศัพท์ ที่พักส่วนใหญ่จะต้องโทรสอบถามก่อนเขาถึงจะเปิดประตูให้ เลยค่อนข้างลำบาก ที่พักที่เสิร์ชมาส่วนใหญ่ก็หาไม่ค่อยเจอ เพราะงงเรื่องโลเคชั่นกัน และมีบ้างที่เข้าไปดูได้แต่ยังไม่ถูกใจ

ทำไมถึงไม่ถูกใจ ?
เราตั้งงบประมาณที่พักมาจำกัด ตั้งใจจะหาหอที่ราคาไม่เกิน 300,000 วอน หรือประมาณ 9000 บาท/เดือน มีราคานี้และถูกกว่านี้ แต่ขนาดห้องนี่สิ ทำเอาลำบากใจ ที่เคยคิดว่าเล็กยังไง ของจริงเล็กกว่านั้นมากกกกกกกก...  หรือบางที่ห้องถูกใจแต่สิ่งอำนวยความสะดวก ไม่สะดวกใจ เช่น ไม่มีรามยอนฟรี (สิ่งนี้สำคัญมากในการดำรงชีวิต) ไม่มีอินเทอร์เน็ต (ขาดได้ที่ไหน) ไม่มีลิฟต์(ห้องอยู่ชั้น4 แต่ไม่มีลิฟต์ก็ใจร้ายกันเกินไป) ...และอื่นๆ

ผลสรุปสุดท้ายในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน เราค้นพบคำว่า 하숙집 หรือ ฮาซุกจิบ
ที่พักแบบฮาซุกจิบเป็นเหมือนบ้าน ส่วนใหญ่เจ้าของจะเป็นอาจุมม่าหรือคุณป้า ที่พักแถวมหาลัยมีฮาซุกจิบมากกว่าโกชีวอนเสียอีก ไปดูมาหลายที่ แต่ราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ส่วนใหญ่ฮาซุกจิบจะ 400,000 วอนขึ้นไป เกินงบมากเหลือเกิน ไม่สู้ ._.) แต่ที่สุดท้ายที่แวะ ราคาถูกใจ ห้องถูกตาที่สุด  ...ในที่สุดเราจึงได้ที่พักแบบฮาซุกจิบในราคาคนละ 280,000 วอน ห้องนี้อยู่กัน 3 คน ห้องน้ำแยก มีตู้เย็นในห้อง และห้องกว้างกว่าที่คิดไว้ตอนแรกมาก เฟอร์นิเจอร์ก็ครบ ห้องพักนี้อยู่ฝั่งชินชน ใช้เวลาเดินไปซอกังประมาณ 20 นาทีได้

ตอนนั้นเราไม่ได้คิดอะไรมาก ขอให้มีที่นอนก่อนสักเดือนแล้วไว้ค่อยหาใหม่เลยตัดสินใจเลือกที่นี่ หรือถ้าดีก็อาจจะอยู่ยาว วันแรกที่ย้ายเข้ามาอะไรๆ ก็ดูน่าตื่นเต้นไปหมด อย่างแรกคงเป็นเพื่อนร่วมหอ ที่ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาเกาหลี (ย่านนั้นมี ม.ซอกัง ยอนเซ อีแด) ข้อดีของฮาซุกจิบ คือเราจะได้เจอเพื่อนร่วมหอชาวเกาหลีแท้ๆ ในเวลากินข้าวเช้าและเย็น เพราะต้องกินในห้องครัว เป็นโอกาสที่เราจะได้ฝึกภาษา และการอยู่ร่วมกันกับคนเกาหลีทำให้เราได้รู้ว่า การทักทายนั้นสำคัญมาก วันแรกที่เข้ามาอยู่ เราพูดอันนยองฮาเซโยตั้งแต่ชั้น 1 จนถึงชั้น 3 ...เจอใครก็ต้องทักทาย ไม่รู้จักมาก่อนก็ต้องทัก สวนกันหน้าห้องน้ำ อั้นฉี่กันมาก็ต้องแวะทักก่อนเข้าห้องน้ำ..โอ้ว มันสำคัญจริงๆ นะ




แต่พออยู่ได้ไม่กี่วัน เราก็พบความไม่สะดวกหลายอย่าง ที่พักแบบฮาซุกจิบ เจ้าของบ้านจะทำอาหารให้เรา 2 มื้อ เช้าและเย็น เหมือนจะสบายเลยเนาะ แต่มันขัดกับสไตล์ของเราไปนิดนี่ดิ เมื่ออาจุมม่าทำอาหารให้เราทาน เราจึงไม่สามารถใช้ครัวเขาได้ นี่แหละปัญหาหลัก มาม่าและผงอาหารสำเร็จรูปต่างๆ ที่หอบมาคล้ายว่าจะเป็นหมันไปเลย นอกจากนั้นยังมีปัญหาเรื่องการเดินทางไปเรียน สิริรวมแล้ว 30 นาทีกว่าๆ ได้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้นำไปสู่การหาที่พักใหม่ในที่สุด

ดังนั้นแนะนำเลยว่า ใครมีไลฟ์สไตล์ที่ชอบหาอะไรกินเอง ชอบทำกับข้าว ต้มมาม่ากลางดึกอะไรทำนองนี้ ไม่แนะนำให้อยู่ฮาซุกจิบ เพราะเขาไม่อนุญาตให้เราใช้ครัว และอาหารที่ทำให้ทานนั้นก็เป็นเวลา ...ถ้าไม่ค่อยได้กิน จะไม่ค่อยคุ้มเนาะ




ที่พักแบบฮาซุกจิบ ห้องกว้างขวาง ออริจินัลของห้องนี้มีเตียง แต่พออยู่กันสามคนนอนเตียงไม่ได้ เราจึงต้องเอาเตียงออก ...


พอมีโทรศัพท์การหาหอง่ายขึ้นมากกกกก...อยากเข้าไปดูหอไหนแค่โทรไป เจ้าของก็พร้อมกดปุ่มเปิดประตูให้ หาหอใหม่แต่เรายังคงยึดงบประมาณเป็นหลักเช่นเดิม ที่เพิ่มเติมเป็นเรื่องของโลเคชั่น พยายามเลือกที่ใกล้ที่สุด เทียบระหว่างฝั่งซอกังและฝั่งชินชน เราชอบฝั่งชินชนมากกว่า เพราะมากมายไปด้วยร้านอาหาร(มากจริงๆ) มีผู้คนเยอะดี ถึงจะไม่รู้จักอะไรกับเขา แต่เห็นคนเดินไปเดินมาแล้วมันสบายใจกว่าฝั่งเงียบๆ ของซอกัง

ในที่สุดเราก็ได้ที่พักที่ใหม่ เป็นโกชีเทล เป็นที่พักที่เราเคยอยากเข้าไปดูแต่ตอนนั้นไม่มีโทรศัพท์ ชอบที่นี่เพราะโลเคชั่น ลดเวลาเดินทางได้ประมาณ 15 นาที (มีเวลานอนอืดเพิ่ม) ส่วนราคานั้นก็เท่าเดิม ห้องละ 280000 วอน ส่วนเรื่องขนาดห้องนั้น ... รูปเดียวจบ ครบทุกมุม ตามสไตล์ค่าที่แพงของเกาหลีมาก


ทุกครั้งที่มีใครถามเรื่องห้องพักเรา เราจะบอกว่าขนาดเท่ากับโลงศพสองโลงที่หลังคาสูง เพราะมันเล็กจริงๆ ถามว่าสะดวกไหม มันก็คงไม่ถึงกับสะดวกแต่มันอยู่ได้ และเราต้องการแค่อยู่ได้ ไม่ได้ต้องการความสะดวกสบายอะไรมาก เราอยู่หอพักนี้ 5 เดือน โดยไม่มีความคิดจะย้ายออก เพราะการย้ายแต่ละครั้งนั้นมันเหนื่อยมากกกก... แต่แล้ววันนี้เราก็ได้ย้ายหออีกครั้ง


การย้ายหอครั้งที่ 3 เกิดขึ้นจากการที่เราไปเดินหาหอให้เพื่อนคนนึงที่กำลังจะย้ายมาเรียน และหอนี้เป็นหอที่เราไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาดู และเป็นหอสุดท้ายที่เราเดินเข้าไปถามและตัดสินใจย้ายทันที

หอใหม่อยู่ไม่ไกลจากหอเก่าเลย ยังอยู่ที่ฝั่งชินชนและเป็นฝั่งรวมแหล่งร้านอาหารด้วย เราเจอหอนี้แบบไม่ได้ตั้งใจ เห็นประตูเปิดอยู่เลยเดินเข้าไปถาม เจอเจ้าของหอเป็นคุณตา ที่เราตัดสินใจย้ายเพราะขนาดห้อง และเขาลดราคาให้แบบ อู้หู้ววว...ไม่ย้ายไม่ได้ การย้ายครั้งนี้เรายอมเหนื่อย เพื่อห้องแสนสบาย หอใหม่นี้ราคาอยู่ที่ 350,000 วอน ประมาณ 10,000 บาท ถ้าเทียบกับอยู่ที่ไทย ราคาเท่านี้ผ่อนคอนโดหรูๆ ได้สบายเลยเนาะ ...แต่ก็อย่างว่ามันต่างกัน 



ห้องใหม่กว้างกว่าเดิม 3 เท่าได้ ..รูปเดียวไม่จบแล้ว 
ห้องใหม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทีวี ตู้เย็น แอร์ (ทีวีเป็นสิ่งที่เราอยากมีมานานแล้ว) 
แต่ก็ยังคงไม่มีห้องน้ำ ด้วยความที่ห้องพักในเกาหลีมันไม่ได้ใหญ่มาก พอมีห้องน้ำเรารู้สึกมันแปลกๆ ไม่ใช่แนว ชอบแบบไม่มีห้องน้ำมากกว่า ดูห้องทีไรก็สบายใจเลือกไม่มีห้องน้ำดีกว่า 



และเพราะความกว้างขึ้นของห้อง ทำให้เรามีกะจิตกะใจทำอะไรมากกว่าการนอนอืดบนเตียง เพราะเรามีพื้นที่ในการทำสิ่งที่คิดถึงแล้ว ... การย้ายหอใหม่นี้ทำให้เราตั้งใจกลับมาเขียนบล็อกอีกครั้ง (ขนาดของห้องช่วยให้ความขี้เกียจลดลงจริงมั้ง)  

น้องเบ้งก็ได้นอนสบายตัวขึ้น ไม่ต้องเบียดกัน 



สรุปการจองที่พักในเกาหลี ถ้าใครจะมาเรียนก็สามารถเข้าไปดูเวบไซต์ต่างๆ ของที่พักได้ และสอบถามเขาได้ทางเมลล์ ที่พักส่วนใหญ่จะให้เราวางมัดจำก่อนย้ายเข้ามาอยู่จริง ถ้าเราอยู่ต่างประเทศก็ต้องโอนเงินมาให้เขาก่อน หรือถ้าใครสบายใจอยากดูห้องด้วยตาตัวเองก็มาเดินหาแบบเราได้ เรื่องราคานั้น เราสามารถต่อรองกับเจ้าของหอได้ ถ้าพูดดีๆ หรือเขาถูกชะตากับเรา เขาจะลดราคาให้ ...




ไม่เหมือนการแนะนำการหาหอเลย เหมือนมาอวดห้องมากกว่า (ฮ่าๆ)

ไว้เจอกันรอบหน้า จะเริ่มเล่าเรื่องการเรียนที่ซอกังแล้ววว :)


Contact :
Twitter @CHICKIMILK



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น