CHICKIMILK
https://www.facebook.com/sogangbychickimilk/ For Sogang :)
วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
[My Vacation in Korea] - #DAY5
23.05.2017
5 วันแล้ว ... แป๊บๆ ก็จะครบหนึ่งวีคที่มานอนอ้วนกลิ้งไปมาที่เกาหลีแล้ว
วันนี้ตั้งใจว่ายังไงต้องได้ไปทำซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ (เมื่อวานก็ตั้งใจนะแต่ไปไม่ถึง)
ยังไงวันนี้ก็ต้องได้เพราะตอนเย็นมีนัดกับรุ่นน้อง ถ้าไม่มีซิมการ์ดจบแน่ๆ
ตอนแรกนึกว่าทำได้ง่ายๆ ที่แถวที่พัก ที่พักอยู่ย่านชินชน มีร้านโทรศัพท์เครือข่าย Olleh อยู่สองสามที่ แต่พอไปถามเขาก็บอกให้ไปฮงแด ประตู 2 เพราะเรามีแค่พาสปอร์ต เขาทำให้ไม่ได้ ตอนแรกนึกว่าจะง่ายๆ เดินออกมาปากซอยที่พัก ทำแป๊บๆ แล้วกลับมานั่งๆ นอนๆ ที่ห้องได้ ... แต่สุดท้ายก็ต้องดึงร่างตัวเองออกไปฮงแดจนได้
แน่นอนว่าสำหรับเรา การไปฮงแดนั้น เดินไปตลอดจ้า ...ฮ่าๆ เดินเล่นไปด้วย ออกกำลังไปด้วย เราชอบบรรยากาศที่ประเทศนี้ ไม่ต้องทำอะไรพิเศษหรือไปไหนไกลๆ แค่เดินไป เดินมา ก็โอเคแล้ว อารมณ์ดี ... เวลาไปไหนมาไหน ถ้าพอจะเดินได้ ก็ชอบที่จะเดินมากกว่า
พอมาถึงประตู 2 ปรากฏเราหาร้านไม่เจอ วนถามคนนู้นคนนี้ไปทั่วเลย สุดท้ายก็เจอ เจอแบบนาทีสุดท้าย ค่าเสียหายการทำไม่ถึง 3หมื่นวอน แต่พอใจมากๆ หลังจากได้ซิมก็รีบบึ่งไปขึ้นรถไฟ เพื่อไปตามนัดที่สถานีคอนแด ... บรรยากาศในรถไฟใต้ดินที่เกาหลีก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เราคิดถึง ฮ่าๆ ... นั่งยาวๆ ไป 30 นาที จนถึงคอนแด
คอนแดเป็นย่านของมหาวิทยาลัยคอนกุก นักศึกษาย่านนี้เลยเยอะมาก มากจริงๆ ร้านอาหาร ร้านเหล้า ร้านเสื้อผ้า ร้านเครื่องสำอาง มีเยอะกว่าชินชน แต่ละร้านก็น่าเข้าไปนั่ง เข้าไปลองทั้งนั้น
รายการที่คอนแดของเราเริ่มต้นที่ร้านซุนแด คือมันไม่ใช่ซุนแดแท้ๆ แต่มันเป็นการเอาซุนแดมาทำแกง แล้วใส่ไส้ลงไป ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไร แต่พึ่งเคยเห็นครั้งแรก ร้านที่ไปก็ใหม่มากแต่คนเยอะ พอค่ำๆหน่อยคนจะเริ่มมาต่อแถวแล้ว จบของคาวไม่ต่อของหวานก็กะไรๆ ปิดท้ายโปรแกรมที่คอนแดด้วยความหวานของโซจูองุ่น ฮ่าๆ หวานมาก... กลับมาถึงชินชน พร้อมนอนเลยจ้าา...
วันนี้ก็จบลงเช่นนี้แล
วันพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน
วันนี้ฝันดีจ้าา...
รอบนี้ไม่มีรูป ㅠㅠ
วันอังคารที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
[My Vacation in Korea] - #DAY4
22.05.2017
วันที่ 4 แล้ว ...เย่!
วันนี้ทำไรบ้างนะ ... วันนี้ได้ส่งงานแล้วววว.. แต่งานใหม่ก็เข้ามาเช่นกัน 5555555
พักเรื่องของงานไว้ที่ตรงนั้น กลับมาที่วันนี้เราทำอะไรบ้างดีกว่า
เริ่มต้นวันด้วยการกินนมถั่วขาว มีความเฮลที้มากกกกกก แต่มันจบตรงที่ หิวแต่ขี้เกียจออกห้องเลยเดินไปต้มมาม่านี่แหละ ความเฮลที้มันจบลงที่ตรงนั้น
รามยอนหม้อนี้เราต้มแค่ครึ่งห่อเอง แต่กินกะข้าวอีกถ้วย เพื่ออะไร ฮ่าๆ ... เป็นรามยอนฟรีที่หอนี่แหละ หลังจากถ้วยนี้ก้ตั้งใจออกไปเดินเล่นโซนฮงแด จริงๆ วันนี้ตั้งใจจะไปทำซิมการ์ดที่ฮงแด แต่ว่าโดนเพื่อนเท ฮือออออ... แล้วก็เลยขี้เกียจไปเลย ก็เลยไม่ไป แต่ตอนเย็นก็เดินจากชินชนไปฮงแด ชิวๆ ไป กะไปหาอะไรกินข้างหน้า ความอยากอาหารเมื่อวานคือ ขอไม่เอาแป้ง ไม่เอาข้าว อยากกินความเนื้อ
ระหว่างทางที่เดินเจอสถานที่ใหม่ๆ ผ่านไป 2 ปีเอง แต่อะไรหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปมาก โซนนี้เป็นโซนสวนสาธารณะ เป็นที่นั่งชิว น่าถ่ายรูปแห่งใหม่ ใกล้บ้าน ย่านชินชน ไว้วันหลังจะมารีวิวให้อ่านค่ะ
สุดท้ายเดินไปจนถึงฮงแด อยากกินทุกร้านเลยจ้า แต่กินเดินเข้าไปไม่ได้สักอย่าง เพราะไอ้ที่อยากกินเขาไม่ให้กินคนเดียว ดราม่ามากกกกกก เป็นวันที่ดราม่ามากจริงๆ และค้นพบความลำบากในการอยู่ที่นี่ การมาคนเดียวมันลำบากในการหากินที่เกาหลีมากจ้า ... ใจจะขาด เงินมีเยอะแค่ไหน แต่ถ้ามีคนเดียว แกก้อดเว้ย!!
สุดท้ายก็เดินจากฮงแดกลับไปยังชินชน เดินผ่านทุกร้านด้วยความทรมาน ได้กลิ่นหอมๆ เกรียมๆ ของเนื้อแต่ก็ทำได้เพียงแค่ยืนมอง กลืนน้ำลายและเดินผ่านไป พร้อมกับตะโกนในใจว่าสักวัน สักวันต้องเป็นวันของฉัน ...
จนในที่สุด เราก็มาตายรังร้านอาหารแถวที่พัก .. (อ้าวแล้วแกเดินไปทำไมตั้งไกล -__-) เมนูของเราวันนี้ก็คือ หัวหมู !!! ก็สั่งมาแบบงงๆ แต่ ณ จุดนั้นคือแบบ ไม่เอาข้าว ไม่เอาแกง อยากกินเนื้อแห้งๆ กะหอม กะกิมจิ ... เอ้ออันนี้ก็ได้ แล้วมันก็ไม่เลวนะ โอเคเลย กินเกลี้ยง กิมจิอร่อยมากก เสียหายไป 5000w หรือ 150 บาท ไทย .
จบจากมื้อนี้นึกว่าจะไม่อิ่ม แต่อิ่มมาก ... กลับห้อง จัดการชีวิต อ้าวนอนนนน...
จบไปอีกหนึ่งวัน ไหนๆ ความน่าตื่นเต้น นี่วันที่ 4 แล้วนะ ฮ่าๆ
พรุ่งนี้ตั้งใจจะไปทำซิมการ์ด มารอดูกันว่าพรุ่งนี้จะรอดไหม
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ฝากอะเกน <3
วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
[My Vacation in Korea] - #DAY3
21.05.2017
ออกจากห้อง เพื่อนใหม่ และซุนแด
เย้ๆ วันที่ 3 แล้ว ...เรายังไหวๆ
วันนี้กับเมื่อวานไม่ได้ต่างอะไรมาก เพิ่มเติมคือได้ออกไปข้างนอกแล้ว ...
หลังจากที่ตั้งใจจะเคลียร์งาน (อีกแล้ว) แต่ก็ตั้งใจจะออกไปข้างนอกเหมือนกัน ออกไปข้างนอกในที่นี้คือ ออกไปนอกห้อง ไม่ได้ออกไปเที่ยวอะไรนะ 55555 ยังอยู่ในภาวะงานไม่เดิน ไม่กล้าออกไปไหน ไม่สบายใจ ...
เริ่มวันด้วยการเปิดคอม แต่ท้องหิวทนไม่ไหวจึงต้องอาบน้ำเพื่อออกไปหาอะไรกิน
ตอนแรกตั้งใจจะไปหาอะไรกินที่อีแด แต่พอไปก็เฉยๆ ไปหมด สุดท้ายก็กลายเป็นเดินเล่นดูเสื้อผ้าแถวอีแดสะงั้น และจบด้วยการไม่ได้กินอะไร แต่สอยเสื้อมา 1 ตัว (ความชะนีนี้ชนะความหมูได้ด้วย)
หลังจากนั้นเดินกลับมาย่านชินชน ร้านก็ยังไม่ค่อยเปิด น่าจะเพราะว่าเป็นวันอาทิตย์ด้วย
เราเลยรีบเดินกลับมาเคลียร์งาน แต่ระหว่างทางก็แวะ GS25 (อีกแล้ว) คอนเซปต์ในการอยู่ที่นี่คือ "หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาจีเอสยี่สิบห้า" ได้นมรสใหม่มา เป็นนมเปรี้ยว โปรโมชั่นอีกแล้ว ซื้อ 3 กล่อง 2400 วอน และได้คิมบับโง่ๆ มาอันนึง แล้วรีบบึ่งกลับมาทำงาน
สำเร็จนมไป 1 กล่องพร้อมคิมบับ ราคา 1500 วอน ตอนแรกนึกว่าจะกินเหลือ ที่ไหนได้ก็เหลือนะ เหลือพลาสติกที่ห่อน้องเขามา ... ซัดๆ ไปให้หมดแล้วก็เริ่มเคลียร์งาน
พอตกเย็นมาได้รับสายจากเพื่อนคนไทยนี่แหละ ชวนออกไปข้างนอก...ออกเลยดิรออะไร ไปชินชนเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือคนเยอะมากกก มหาศาลเลยก็ว่าได้ ต่างจากตอนสายๆ บรรยากาศที่คุ้นชินก็กลับมา ...
แต่ก่อนออก เราเปิดนมกินกล่องนึง เป็นนมแฝดกะน้องงาดำเมื่อวาน แต่วันนี้เป็นสีขาว ที่นางเขียนบอกว่า ไม่มีน้ำตาล ...หืมมม แต่พอกินก็มีความหวานนะ แต่ก็อร่อย ชอบอีกแล้ว ฮ่าๆ
วันนี้เราได้รู้จักเพื่อนใหม่หนึ่งคน ที่จริงต้องบอกว่าพี่ใหม่หนึ่งคน นั่งคุย นั่งเม้ามอยกันนานมาก ราวกับว่าแบบรู้จักกันมาแรมปี มีประโยคนึงที่พี่เขาบอกเรา "ทุกการเปลี่ยนแปลง จะนำเราไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเสมอ อย่ากลัว" เป็นประโยคที่เราฟังแล้วขนแอบลุก อาจจะเพราะมันตรงกับโมเม้นชีวิตในช่วงนี้
หลังจากนั้นก็พาพี่เขาไปกินซุนแด อาหารโปรดของเรา มารอบนี้ก็ยังไม่ได้กิน กะว่าพาพี่เขาไปด้วย ตัวเองไปจัดด้วย ถ้าใครเห็นในเพจก็เป็นตามนั้นเลย ...
วันนี้ก็จบแบบเดินลากพุงที่แบบโคตรๆ จะแน่นกลับห้อง แล้วนอนอืดไปในที่สุด ส่วนงานนั้นก็เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้
ไม่รู้มีคนติดตามรออ่านมากน้อยแค่ไหน ... บอกเราได้ที่คอมเม้นท์นะคะ :)
และฝากเพจ https://www.facebook.com/sogangbychickimilk/?ref=bookmarks
เจอกันพรุ่งนี้!!!
วันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
[My Vacation in Korea] - #DAY2
[My Vacation in Korea] - #DAY2
20.05.2017
ต้องรีบก่อนจะขี้เกียจไปมากกว่านี้ ...
ในส่วนของวันนี้นั้นไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย เพราะตั้งใจจะเคลียร์งานที่แบกมาทำให้เสร็จ
ความจริงแล้วนอกจากมาตะลุยกิน เราก็ตั้งใจมาเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นเป็นพิเศษเลย (555555)
วีคเอนท์นี้ตั้งใจจะเคลียร์งานให้เสร็จแต่พอเอาเข้าจริงก็ยังไม่เสร็จอยู่ดี ฮืออ..(ในขณะที่อัพบลอกงานก็ยังไม่เดิน)
วันนี้ทั้งวันไม่ได้ออกไปไหนเลยค่ะ สาบาน อยู่ในห้องพักและห้องครัวของที่พักเท่านั้น
ทั้งวันกินอยู่แค่นี้ ...เริ่มต้นวันด้วยนมหนึ่งกล่อง ต้องบอกก่อนว่านี่เป็นคนที่ชอบนมประเทศเกาหลีมาก ลองมันมาทุกแบบ ทุกรส จะเป็นคนที่ตื่นเต้นกับการได้เห็นว่ามีนมแบบใหม่ๆ มาเพิ่มในชั้นวางนมของตู้เย็นที่ GS25
นมกล่องนี้เป็นนมรสงา รสชาติอร่อยเลยล่ะ ชอบเลย...ซื้อมาจาก GS25 แถวที่พักเมื่อคืนก่อน ราคาปกติ 1200w แต่มีโปรโมชั่น 3 กล่อง 2400w เสร็จหมูเลย ซื้อมาเลย 3 กล่อง
หลังจากได้นมแล้วก็มานั่งปั่นงาน ปั่นไป อืดไป เถลไถลไปทางนู้นบ้าง ทางนี้บ้าง งานก็เสร็จไปบ้างแต่ก็ยังไม่ทั้งหมด จนหิวอีกครั้ง สเตชั่นต่อไปคือ สตรอว์เบอร์รี่... ไม่คาดหวังว่าจะได้เห็นสตรอว์เบอร์รี่ในช่วงนี้ แม้ลูกจะเล็กแต่รสชาติยังหวานฉ่ำเหมือนเดิม กล่องนี้ซื้อแถวชินชน ราคา 3000w (90 บาท)
ไม่ได้ตั้งใจจะลดน้ำหนักใดๆ แต่ด้วยสภาพและจิตใจในวันนี้ไม่มีอารมณ์ทำอะไรใดๆ แม่กระทั่งออกไปหาซื้อ หากินอะไรทั้งนั้น ... ฮือออ ทำให้เราเดินไปเปิดหม้อหุงข้าวของที่พัก ที่พักแห่งนี้จะมีบริการรามยอนและข้าวฟรี ข้าวก็ไม่ใช่ข้าวธรรมดา เป็นข้าวสีม่วง ... เฮลที้ไปอีก
แอบพกหมูหยองมาจากไทยด้วย (ความจริงจะเอาไปฝากเพื่อนเกาหลีแต่ไม่ไหวแล้วขอประทังชีวิตตัวเองก่อน)
วันนี้ทั้งวันก็กินอยู่แค่นี้และนมเพิ่มอีก 1 กล่อง ... เป็นอันจบ หนึ่งวันโง่ๆ ของแท้
หนึ่งวันโง่ๆ นอนโง่ งานไม่เสร็จของจริง มีใครจะให้ขี้เกียจกว่านี้อีกไหม ... ㅠㅠ
ส่วนพรุ่งนี้วางแผนไว้ว่าต้องออกบ้าน ยังไงก็ต้องออก เพราะไม่เหลืออะไรกินแล้ว แต่จะได้ออกไปไหนนั้น ต้องลองติดตาม ... (ความจริงคือก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะไปไหน)
วันเสาร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
[My Vacation in Korea] - #DAY1
สวัสดีชีวิตช่วงเบรคพักยาว ... หลังจากไม่ได้มาเกาหลีเกือบสองปี
เบรคยาวของชีวิตช่วงนี้เลยตัดสินใจแบกกระเป๋า(น้ำหนัก 19 กิโลกรัม) มาเปลี่ยนบรรยากาศที่นี่
หลังจากนั้นเลยตัดสินใจ challenge ตัวเองด้วยการเขียนไดอารี่ บันทึกชีวิตรายวันที่นี่
และหวังว่าจะทำได้ครบทุกวัน (5555555)
ตั้งใจจะเขียนเล่าว่าชีวิตวันนึงทำอะไรที่นี่บ้าง ... ใช้เงินไปเท่าไหร่บ้าง ... บลาๆ
บอกไว้ก่อนว่า ไม่ได้ปแพลนหรือวางแผนมาเที่ยวที่ไหนอะไรเป็นพิเศษทั้งนั้น
Unplanned Trip ของจริง
ขอยังไม่บอกว่าจะอยู่กี่วัน ค่อยๆ ตามกันไปดูนะคะ :)
DAY1 : Start !!
19.05.2017
วันแรกเริ่มตั้งแต่เที่ยงคืน คือการมารอเข้าแถวเช็คอินเพื่อบินมายังเกาหลีใต้
แค่วันแรกก็สนุกแล้ว เพราะเจอไฟล์ทดีเลย์ไป 3 ชั่วโมง ... จากเที่ยวบิน ตี3 กลายเป็นเที่ยวบิน (เกือบ) 6 โมงเช้า
สรุปคือ ร่างกายขาดน้ำ ขาดอาหารไปราวๆ 12 ชั่วโมง และแทบไม่ได้นอน พอนอนไปสักพักมาเรียกให้เปลี่ยนเครื่อง พอจะนอนอีกทีเรียกให้ขึ้นเครื่อง พออยู่บนเครื่องก็หลับๆ ตื่นๆ กว่าจะถึงก็ปากแห้ง ไส้กิ่วหมดเรียวแรงจนตอนนั่งอยู่บนเครื่องวางแผนไว้กะหลุดพ้นจาก ตม.(จุดสำคัญ) ออกมาได้จะวิ่งไปมินิมาร์ทที่ใกล้ที่สุดเพื่อหาอะไรกิน แต่...
กลับมาที่ด่านตม. อันเลื่องชื่อ
ก่อนหน้าที่เราจะมามันมีประเด็นใหญ่ที่ไทยอ่ะเนาะ มันก็ทำให้คนที่ไม่เคยกลัว ตม. เกาหลีแบบเรา เกิดอาการกังวลขึ้นมาเฉย ไม่กังวลหน่อยด้วย กังวลมาก ... ตม. มองหน้าหนูแล้วจะรู้ไหมคะ ว่าหนูไม่ได้มาขายนะคะ หนูมาซื้อกิน เมนูในใจที่อยากแดรกของหนูเยอะมากค่ะ ได้โปรดอย่าจับผิดหนูเลย
แม้ว่าจะบริสุทธิ์ใจแต่พอเอาเข้าจริงก็แอบตื่นเต้นและตื่นกลัว พอก้าวที่เดินเข้าไปหา ตม. และยื่นพาสปอร์ตนั้น หัวใจมันเต้นแรงขึ้นมาเฉย แบบรัวเร็วมากจนตัวเองยังตกใจ ตอนแรก ตม. ไม่ได้ถามอะไรเลย มีแค่ยื่นพาสปอร์ตมาเทียบกับหน้าเรา (เอิ่มมม.. นั่นหนูจริงๆค่ะพี่ตม.) แล้วก็เปิดให้เราแสกนนิ้ว แต่พอแสกนนิ้วเสร็จก็ใช่ว่าเราจะปลอดภัย ขั้นรอดชีวิตมันอยู่ที่การได้ยินเสียงและเห็นภาพ ตราปั๋มในมือถือของพี่เขา ประทับตราลงไปให้เราค่ะ ... เหมือนจะเรียบร้อยแล้วใช่ไหม แต่เรายังไม่ได้ยินเสียงนั้น จนกระทั่ง ตม. ถามเราเป็นภาษาเกาหลีว่าพูดเกาหลีได้เหรอ ? (เคยได้ยินมาว่าถ้าโชว์เกาหลี ตม.ก็จะสงสัยว่ามาทำงาน) ณ จุดนี้แบบใจที่โล่งไปนิดนึงมันเลยกลับมาแน่นอีกครั้ง แล้วคือยังไงต้องตอบเป็นเกาหลีไหม เราก็เลยตอบเขาไปเป็นภาษาเกาหลีว่าเคยเป็นนักเรียนที่นี่ เขาก็รัวมาหลังจากนั้นแย๊บๆ เลยว่า มาทำอะไร มากี่วัน ... โอ้โหวเอาเข้าจริง ตกใจอยู่ไม่น้อย เพราะตลอดการเข้า ออกประเทศนี้ไม่เคยโดน ตม. ถามอะไรเลย และสุดท้ายเสียงและภาพที่เรารอคอยก็มาถึง ...มันเกิดขึ้นอย่างช้าๆ จิขาดใจ...และทันใดนั้นเสียง "ปั๊ก" ที่รอคอยก็ดังขึ้น และเราก็รอดปลอดภัย ออกจาก ตม. มาอันนยองเกาหลีอีกครั้งได้ ฮืออออออ ....
ทำไมจู่ๆ ตม. ถามเราเป็นภาษาเกาหลีนะหรือ ... น่าจะเป็นเพราะช่องที่อยู่ใบขาเข้าประเทศ เราเขียนเป็นภาษาเกาหลี ㅠ ㅠ ต่อไปเราจะไม่เขียนเป็นเกาแล้วจ้า สาบาน เพราะจุดนั้นมันโคตรของโคตรตื่นเต้น
หลังจากออกจากทุกด่านมาแล้ว ถึงเวลาไปที่พัก ก่อนไปก็ต้องไปหาซื้อบัตร T-Money แผนที่วางไว้บนเครื่องคือ จะไปมินิมาร์ทที่ใกล้ที่สุดเพื่อซื้อ T-Money และจะหาของกิน แต่ ณ จุดที่ได้ทีมันนี่มาอยู่ในมือปุ๋บ ...อินี่ลืมความหิวกระหายอดอยากที่ทนแบกมาตลอด 12 ชั่วโมงไปหมดเลย รู้สึกตัวอีกทีว่าหิวก็ตอนขึ้นไปนั่งในรถไฟแล้วเห็นครอบครัวข้างๆ เขากินนมกับคิมบับกันนั่นแหละ เป็นอันว่าต้องอดทนแบกรับความหิวนี่ไปอีกชั่วโมงกว่า จนมาถึงที่พักแถวสถานีซอกัง พอมาถึงที่พัก อาจุมม่าดูแลหอไม่อยู่อีก เพราะนัดกับคุณป้าไว้ตอนเช้า แต่เครื่องดีเลย์จนมาถึงบ่ายแก่ สุดท้ายจึงทำได้เพียงแค่ทิ้งกระเป๋าไว้ที่ห้องพัก (โชคดีที่ป้าเปิดห้องไว้ให้) และหอบชีวิตกะพลังงานที่โคตรจะติดลบออกมาหาอะไรกิน
และมื้อแรกของการมาเกาหลีครั้งนี้คือ ...แต๊น แต่น แต๊นน... ซุนแดกุก (순대국) เป็นร้านซุนแดที่รักมากและฝากชีวิตไว้ตอนมาเรียนเมื่อสองปีก่อน มันคือเดอะเบสท์ซุนแดกุกอินมายไลฟ์ ตอนได้ตักเข้าปากคำแรกเหมือนน้ำตาจะไหล ทั้งหิว ทั้งอร่อย ทั้งคิดถึง มาหมดฟีลลิ่งในยามหิวโหย และมันก็อร่อยจนเรากินเกลี้ยงไม่เหลือจริงๆนะ อิ่มแบบแน่นพุง เดินอืดออกมาเลย
หลังจากกินซุนแดเสร็จก็ตั้งใจจะไปทำซิม ตอนแรกไปที่สาขาแถวชินชนแต่เขาไม่ทำให้ ถ้าไม่อยู่ระยะยาวววว เลยต้องไปสาขาแถว ม.ซอกังแทน แต่นี่ก็ไม่รีบเดินเอื่อยๆ ดูโน่นนี่นั่นไป จนกระทั่งไปถึง Olleh สาขาแถวซอกัง เขาก็บอกว่าทำให้ไม่ทันแล้ว เพราะกำลังจะปิดระบบ ต้องไปทำที่ฮงแด เพราะที่นั่นเปิดถึงดึก แต่ก็ต้องไปให้ทันภายใน 30 นาที แล้วด้วยความขี้เกียจไม่อยากไปไหนแล้ว รู้สึกเหนื่อยล้าร่างกายจึงไม่ไปแม่งแล้ว ไม่ใช้ก็ได้ ไว้มาวันหลัง แม้พนักงานจะบอกว่า เสาร์ อาทิตย์ ไม่ทำการ... แต่เราก็ไม่แคร์ เพราะเราเป็นคนขี้เกียจและง่วง พอเรานกจากการทำซิมการ์ด เราก็เลยไปหาอะไรกิน (อ้าวไหนว่าง่วง ไหนว่าเหนื่อย) ก็เพราะกินคาวไม่กินหวานมันสันดานไพร่ เราก็เลยต้องจัด เลยไปจบที่ไอติมของ Baskin Robbin ตอนสั่งไม่คิดว่ามันใหญ่ พอมันออกมาโคตรจะใหญ่ก็ตกใจมาก แล้วยังไง ใหญ่แล้วยังไง ใหญ่แล้วก็กินหมด (วิถีหมู)
หลังจากนั้นก็หาเรื่องเดินย่อย สำรวจบรรยากาศชินชนที่แสนคิดถึง (ความจริงคือสำรวจร้านอาหาร) ...มีหลายอย่างที่เปลี่ยนไป ร้านที่เคยกินบางร้านหายไป ร้านใหม่โผล่มาแทน บางร้านรักมาก ฮื่อๆ ก็จิ้มๆ จำๆ ไว้หลายร้าน ขอพี่ไปนอนก่อนแล้วเดี๋ยวพี่ออกมากินนะ วันไหนสักวัน
มาๆ มาหอได้แล้ว คุณป้ารอแล้วจ้า ... ก่อนจะเข้าห้องไปอีกรอบ จ่ายเงินเคลียร์กับป้าก่อนเลยจ้า
ค่าห้องไป ค่ามัดจำไป ค่าผ้าห่มป้าก็ขอ ... ตอนแรกคิดว่ามีเงิน พอจ่ายก็รู้เลยว่าจนมาก ฮื่อฮือ
และห้องที่เราจะหลับนอนอืด พักพุงก็เป็นเช่นนี้ ...
มันอาจจะใหญ่ๆ หน่อย เพราะเป็นห้องสำหรับ 2 คน ที่ก็นอนคนเดียว ... ชอบห้องมาก รู้สึกแบบโอ้วยิ่งใหญ่ต่างจากที่เคยอยู่สมัยก่อนๆ
พอจัดของเสร็จนิดหน่อย ได้อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันให้สบายกายใจ ก็ออกมาซื้อของเล็กน้อย ณ จุดนั้นแบตเตอรี่ชีวิตต่ำมาก ต้องการนอน แต่ก็ต้องออกไปซื้อของใช้ ของกิน พอได้กลับมาถึงห้อง หัวก็ถึงหมอน หลับตายไปเลยชีวิต
และ #DAY1 ก็จบแบบนี้แล ...
ตอนแรกก็ยาวแล้วอ่ะ เพราะอะไร เพราะยังไม่ขึ้เกียจไง แต่ตอนต่อไปนั้น ... ไม่รู้จะเป็นเยี่ยงไร
ฝากติดตามด้วยแล้วกันนะคะ <3
วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559
[ Study in Sogang ] - ทำไมถึงมาเรียนภาษาเกาหลี
ทำไมถึงมาเรียนภาษาเกาหลี?
หลังจากที่ย้ายตัวเองไปเรียนภาษาเกาหลีที่ประเทศเกาหลี
นี่เป็นคำถามที่เราได้ยินมามากกว่า 1,000 ครั้ง
แต่เหตุผลที่เรามาเรียนภาษาเกาหลีนั้นเราจะไม่พูดถึงเพราะกลัวมันไม่สนุกและมันก็สั้นมากจนไม่รู้จะบอกทำไม
(อิอิ) วันนี้เราจึงขอพูดถึงเพื่อนร่วมห้องเรียนภาษาเกาหลีของเราค่ะ
ว่าถ้าเราไปเรียนภาษาเกาหลีที่เกาหลีนั้น
ส่วนใหญ่เพื่อนมาจากที่ไหนกันบ้างและอะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้เขามาเรียนภาษาเกาหลีถึงประเทศเกาหลีกัน
ตอนเรียนกึบ 1 หรือภาษาเกาหลีเลเวลแรกที่ซอกัง
เรามีเพื่อนในห้องทั้งหมด 13
คน แน่นอนว่าไม่มีคนเกาหลีในห้องนี้
นอกจากอาจารย์ผู้สอน ... ตามรูปเลยค่ะ เราไม่ขอบอกว่าใครเป็นใคร ไม่ชี้นำค่ะ
เปิดโอกาสให้คนอ่านได้เดา (เพื่อ? 55) เอาล่ะ
มาเริ่มจากคนแรกกันเลย
1. นาตาลี
นาตาลีเป็นผู้หญิงตัวสูงจากประเทศฮ่องกงค่ะ
เรายังจำวันแรกที่เจอนาตาลีได้ดี เพราะนาตาลีเป็นเพื่อนคนแรกในห้องที่เราคุยด้วย แม้นาตาลีจะอายุ
30 แล้ว
แต่นาตาลีไม่อยากให้ใครเรียกว่าออนนี่ค่ะ นาตาลีบอกว่าเราเพื่อนกัน
ไม่ใช่เกาหลีไม่ต้องแคร์อายุ (5555) นาตาลีมาเรียนภาษาเกาหลีที่ซอกังเพราะว่าแฟนเป็นคนเกาหลี
นาตาลีเจอแฟนที่ออสเตรเลีย ก่อเกิดสร้างสัมพันธ์รักจนตกลงปลงใจย้ายมาอยู่ที่เกาหลี
เตรียมตัวสร้างชีวิตคู่ด้วยกัน นาตาลีจึงต้องเรียนภาษาเกาหลี หลักๆ เลย
นาตาลีบอกว่าอยากคุยกับแม่สามีให้รู้เรื่อง โรแมนติคป่ะล่ะ J
2. นิกกี้
นิกกี้เป็นมัคเน่ของห้องเรา เด็กหนุ่มอายุ 19 ปีจากอินโดนีเซียแต่โปรไฟล์น้องแกไม่ธรรมดามากๆ
ค่ะ นิกกี้เป็นลูกชายของทูต ชีวิตของนิกกี้เลยผุดๆ โผล่ๆ ประเทศนั้น
ประเทศนี้อยู่บ่อยๆ ประเทศนี้ปี ประเทศนั้นสองปีบ้าง
ทำให้นิกกี้ต้องเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ ตลอด รอบนี้พ่อน้องเขาย้ายมาเกาหลี
น้องเขาเลยต้องมาเรียนภาษาเกาหลีเอาไว้ นิกกี้เป็นเด็กหัวไวและฉลาด
แต่จำได้ว่าหลังจากขึ้นกึบ 2 ได้ไม่นานนิกกี้ก็ต้องย้ายไปประเทศอื่นอีกแล้ว
นิกกี้เคยบอกว่าไม่ชอบชีวิตแบบนี้ ไปอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ไม่นาน เพื่อนไม่ค่อยมี
พอเริ่มสนิทก็ต้องลากันแล้ว ... เกาหลีคงเป็นอีกหนึ่งที่ ที่ทำให้นิกกี้คิดแบบนั้น
3. คาริม
คาริมเป็นชาวเดนมาร์ก
เมืองผู้ดีติดระดับคุณภาพชีวิตดีของโลกก็มา มาไกลด้วย คาริมเป็นมนุษย์อายุ 20 ปีที่ได้คุยด้วยแล้วไม่เหมือนคุยกับคนอายุ
20 น้องเป็นเด็กที่เจ๋งมาก
ที่มาเรียนที่เกาหลีก็ไม่ได้มีอะไรมาก จบไฮสคูลแล้วแต่ยังไม่อยากต่อมหาลัย
เลยหาประเทศสักประเทศไปอยู่เพื่อเปิดโลก และเกาหลีเป็นตัวเลือกของคาริม
คาริมเคยบอกเราว่า ไม่อยากเรียนมหาลัย เพราะรู้สึกว่าไม่จำเป็น คาริมชอบการเล่นเกมออนไลน์มาก
และตอนนั้นคาริมทำงานกับบริษัทเกม
เวลาเราพูดภาษาอังกฤษกับน้องแล้วสำเนียงหรือการออกเสียงมันผิด
คาริมจะแก้ให้เราด้วย (ฮ่าๆ) สรุปง่ายๆ
คาริมมาเรียนภาษาเกาหลีที่เกาหลีเพื่อเปิดโลกนั่นเอง
4. เจมมี่
เจมมี่เป็นเพื่อนชาวฮ่องกงที่เราสนิทด้วยที่สุดในห้อง
แม้จะอายุมากกว่าเราสองปีแต่เราไม่เคยเรียกเจมมี่ว่าออนนี่
เจมมี่เป็นแฟนคลับของวงโซนยอชิแด ไม่ใช่แฟนคลับธรรมดาแต่เป็นแอดมินไซต์ดังๆ
ของเมมเบอร์ในวงด้วย เมนของเจมมี่คือยุนอา
เจมมี่ต้องไปตามถ่ายทุกครั้งเวลาที่โซนยอมีงาน วันไหนมีงานหลังเลิกเรียนเจมมี่ต้องแบกเก้าอี้(ติ่ง)และกล้องกับเลนส์ตัวบิ๊กๆ
มา และถ้าเวลาตรงกับที่ต้องมาโรงเรียนเจมมี่ต้องโดดไป เพราะภาระหน้าที่ของการเป็นแอดมินนั้นค้ำคอ
(ฮ่าๆ) เจมมี่เคยบอกเราว่าไม่ได้อยากมาเรียนเลย แต่เพราะยุนอาต้องมาเรียน (ฮ่าๆ)
5. มอริ
มอริเป็นชาวอิหร่าน อายุอานามก็ราวๆ 40 ปี
แต่มอริไม่ยังไม่ท้อแท้ที่จะเรียนหรือศึกษาเพิ่มเติมค่ะ
เราไม่ค่อยสนิทกับมอริเท่าไหร่ แต่มีเหตุการณ์ที่ได้จับคู่สอบสนทนาด้วยกัน
เลยมีโอกาสได้คุยกันมากขึ้น มอริเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ประเทศของเขานั่นแหละค่ะ
แต่เจ้านายจะเข้ามาขยายกิจการอะไรสักอย่างที่เกาหลี เลยให้มอริมาเรียนภาษาเกาหลี
ออกค่าเรียน ค่าที่พักให้หมดและทุกๆ สัปดาห์
มอริต้องรายงานว่าตอนนี้ภาษาเกาหลีของเขาคืบหน้าไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว
นอกจากจะเรียนแล้วมอริยังทำงานเป็นการ์ดที่ผับในวันสุดสัปดาห์ด้วย
มีเหตุการณ์นึงที่เราจำได้เกี่ยวกับมอริในวันสอบปลายภาคของกึบ1 เพื่อนในห้องสอบเสร็จกำลังเก็บของออกจากห้อง
แล้วเหมือนไปรบกวนสมาธิเขาในการสอบ พอออกจากห้องสอบมา
มอริออกมาว่าเพื่อนคนนั้นแบบอารมณ์ฉุนเฉียว หงุดหงิดมาก ตอนนั้นเราแอบไม่ชอบเขาไปเลย
แต่พอหลังจากนั้นเขาก็มาขอโทษ และบอกว่าเขาเครียดมาก
เขาจะสอบตกไม่ได้เพราะเจ้านายคาดหวังกับเขามาก เขามาบอกว่าคนอื่นอาจจะมาเรียนที่นี่สนุกสนาน
หาเพื่อน แต่สำหรับเขามันคือ Future… ทำให้ตอนนั้นเราเข้าใจว่าทำไมเขาถึงเครียด
และเพื่อนคนๆอื่นๆ ที่โกรธเขา ก็หายโกรธไป
6. โยต้า
โยต้า เป็นสาวกรีกตัวสูง ผมยาว
อายุมากกว่าเราประมาณนึงค่ะ โยต้ามาเรียนภาษาเกาหลีเพราะต้องการทำงานที่เกาหลี
เรามีโอกาสได้คุยกับเขาชุดใหญ่ๆ เกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ประเทศของเขา โยต้าเล่าว่า
บ้านเมืองของเขากำลังแย่ คนตกงานกันเยอะมาก แค่ภาษาอังกฤษไม่เพียงพอให้เขาเอาไปประกอบอาชีพอะไรได้
และเขาก็ไม่สามารถทำงานอะไรที่กรีกได้ เพราะเงินเดือนน้อยมาก ประเทศเขากำลังแย่
เขาเลยต้องออกมาหาโอกาสที่ประเทศอื่นๆ โยต้าบอกเราว่าถ้าเขาทำงานที่กรีกตอนนี้
เขาจะได้เงินเดือน น้อยกว่า 15000 บาท ของบ้านเราอีก .. มีเรื่องนึงที่เราจำได้เกี่ยวกับโยต้า โยต้าเคยชวนเพื่อนๆ ในห้องกินข้าว เขาบอกว่า เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาเรียนๆ อย่างเดียวนะ We need to make friend ... ประโยคนั้นของโยต้าทำให้เราคิดอะไรได้บางอย่าง ...ใช่..เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อเรียน การรู้จัก การเรียนรู้คนอื่นๆ การสร้างมิตรภาพ เป็นอีกเรื่องนึงที่สำคัญ
7. วินนี่
วินนี่เป็นสาวน้อยชาวมาเลที่พูดได้ 5 ภาษา ... O.o
เรายังจำได้ดีว่าบทสนทนาแรกที่วินนี่คุยกับเราคือ How many
languages can you speak? เรานี่เอ๋อไปห้าวิได้ นับยังไงก็เหมือนเราจะพูดได้แค่ภาษาไทย
ภาษาเดียว (ฮ่าๆ) วินนี่เป็นลูกครึ่งมาเลย์-จีน
ทำให้วินนี่พูดได้ทั้ง มาเลย์บาฮาซ่า จีนแมนดาริน จีนกวางตุ้ง ภาษาอังกฤษและ
ภาษาเกาหลี ... ช็อคไปเลยดิ วินนี่มาเรียนภาษาเกาหลีเพื่ออยากรู้และพักผ่อนค่ะ
วินนี่อายุมากกว่าเราปีเดียวแต่เขาหน้าเด็ก เราเคยถามวินนี่ว่ารู้จัก AEC ไหม วินนี่บอกว่าไม่... แต่ไม่เป็นไร วินนี่พูดได้ 5 ภาษา รอดตายแล้ว (ฮ่าๆ)
8. เอด้า
เอด้าเป็นออนนี่ฮ่องกงค่ะ
เอด้าเป็นคนไนซ์และเฟรนลี่มากๆ
เอด้าตั้งใจมาเรียนภาษาเกาหลีเพื่อเอาไปทำมาหากินนี่แหละ แม้จะยังไม่รู้ว่าจะไปทำงานด้านไหน
แต่เอด้าก็ตั้งใจมาเรียนจริงจัง เพื่อเอาไปใช้ในประเทศของตัวเอง
แต่พอเรียนถึงเลเวล 2 เอด้าก็ต้องรีบกลับฮ่องกง
ตอนนั้นที่เกาหลีมีไข้หวัดระบาด คนฮ่องกง คนจีนจะตื่นกลัว
ตื่นตัวกันมากเพราะประเทศเขาเคยมีคนเสียชีวิตด้วยไข้หวัดพวกนี้เยอะ แม่เอด้าเป็นห่วงมาก
เลยสั่งให้กลับประเทศด่วน
9. กวานชิน
กวานชินเป็นเพื่อนชาวไต้หวัน มองเผินๆ กวานชินดูเป็นผู้หญิงธรรมดาทั่วไปมากๆ
แต่อยู่กันไปมา อ้าว กวานชินเป็นนางงามของไต้หวันสะงั้น ... กวานชินมาเรียนภาษาเกาหลีเพื่อหาความรู้เพิ่มเติมและท่องเที่ยว
กวานชินเป็นเพื่อนอีกคนนึงที่ตั้งใจเรียนภาษาเกาหลีมาก แม้การออกเสียงจะยากสำหรับเขา
แต่เขาพยายามมาก เราได้เรียนกับกวานชินอีกครั้งตอนเลเวล 4 ตอนนั้นกวานชินพัฒนาขึ้นมากจากตอนแรก
10. ไท
ไทเป็นชาวบราซิลที่หลงใหลใน K-Pop มากๆ
รู้จักทุกวง...ถ้าจำไม่ผิดไทชอบ BAP ไทอายุยังไม่ถึง 20
ในตอนนั้นมาเกาหลีเพื่อมาหาศิลปินที่รักและมองหาอนาคตของตัวเอง
ไทรักในการเขียน เรามีโอกาสได้คุยกับไทจริงๆ จังๆ ในวันสุดท้ายของการสอบจบเลเวล 1
ไทอยากเรียนปริญญาที่เกาหลี กำลังอยู่ในขั้นตอนหาทุนมาเรียน
ไทอยากเรียนสายไอทีและวางแผนจะเขียนหนังสือเป็นงานอดิเรก เราเคยไปซื้อหนังสือกับไท
ไทชอบอ่านนิยายมาก แนะนำได้เป็นสิบๆ เรื่องภายในไม่กี่นาที
ไทเคยไปฝึกงานที่โรงพิมพ์ที่ประเทศของเขา ไทบอกเราว่า ไม่ได้เงินแต่มีความสุขมาก
และเราก็สัมผัสได้ว่าเขามีความสุขจริงๆ เพราะสีหน้าที่เขาเล่าในตอนนั้น
วันนี้เรายังจำได้ ไทเรียนภาษาเกาหลีถึงแค่เลเวล 1 และซื้อหนังสือตั้งใจไปเรียนด้วยตัวเองที่บราซิล
เราไม่รู้ว่าไทได้กลับไปที่เกาหลีแล้วหรือยัง
แต่ก็หวังว่าไทคงได้เดินตามทางที่ตัวเองชอบ
11. พี่ป๋วย
เรียกแบบนี้รู้เลยว่าเป็นคนไทยนี่เอง พี่ป๋วยเป็นคนไทยค่ะ
ห้องเรามีคนไทย 2 คน คือพี่ป๋วยและเรา ส่วนใหญ่ทุกห้องจะมีคนไทย แต่ไม่มาก ไม่เกิน 2
คนต่อห้อง พี่ป๋วยมาเรียนภาษาเกาหลีเพราะชอบเกาหลี
และมาพักผ่อนหลังจากใช้ชีวิตเครียดๆ ที่ไทย พี่ป๋วยเรียนถึงเลเวล 2 ก็กลับไทยไปก่อน ตอนเรียนเราแอบมาสายบ่อย พี่ป๋วยก็คอยช่วยชีวิตไว้
12. พารา
พาราเป็นชาวฝรั่งเศส พาราตั้งใจมาเรียนภาษาเกาหลีเพื่อจะเรียนต่อมหาลัยที่นี่ ตอนนั้นที่คุยกัน พาราอยากเรียนด้านกฏหมาย ไม่รู้ตอนนี้ยังไง พารามีญาติเป็นคนไทยด้วย พารามาไทยหลายครั้ง ช่วงที่เรียนด้วยกัน พาราไปเที่ยวไทยตอนพักเบรคสั้นๆ เอารูปมาอวดเราใหญ่ บอกว่าไปเชียงใหม่มา สนุกมาก ชอบเมืองไทย ... ตอนนี้พาราทำบล็อกและวีดีโอเกี่ยวกับชีวิตของชาวฝรั่งเศษในเกาหลี แอบเห็นว่ากำลังไปได้ดี ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้พาราได้ทำตามความฝัน ที่ได้บอกเราไว้ตอนนั้นไหม แต่ความฝันมันเปลี่ยนแปลงได้นี่เนาะ ตอนนั้นที่ฝันไว้ กับตอนนี้ที่ฝันอยู่อาจะไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ความฝันปัจจุบันสิสำคัญที่สุด !
... และนี่ก็เป็นเหตุผลในการมาเรียนภาษาของเพื่อนๆ ในห้อง เห็นไหมว่ามันหลากหลายจริงๆ ไม่ใช่มีแค่เรียนไปเพื่อทำงาน เรียนเพื่อเปิดประสบการณ์ เรียนเพื่อหามิตรภาพ เรียนเพื่อรักยังมีเลย (นี่แหน่ะ) ...ทั้งหมดทั้งมวลนี้อยากเล่าต่อเพราะเราเป็นคนนึงที่โดนถามบ่อยมากๆ ว่าทำไมถึงเรียนภาษาเกาหลี
คำถามเพิ่มเติมคือ ทำไมไม่เรียนญี่ปุ่นหรือจีน น่าจะดีกว่า (บ่อยครั้งเป็นคำถามจากคนที่พึ่งรู้จักครั้งแรก)
เราว่าเหตุผลในการมาเรียนภาษาหรือเหตุผลในการเรียนรู้อะไรสักอย่างเป็นเหตุผลส่วนบุคคล
ไม่ใช่ทุกคนบนโลกที่มาเรียนภาษาเกาหลีเพื่อนำไปประกอบอาชีพหรือสร้างรายได้
การเรียนรู้อะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะภาษา ในความคิดเรามันเหมือนเป็นการให้โอกาสตัวเอง
หลังจากที่เราเรียนภาษาเกาหลี ชีวิตเราเปลี่ยนไปหลายๆ ด้าน ได้โอกาสดีๆ
ได้เจอคนใหม่ๆ ได้มิตรภาพ ได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะมากมาย
ใครที่กำลังลังเลว่าจะเรียนภาษาเกาหลีดีไหม...ตอบเลยว่าดี! การเรียนรู้เป็นเรื่องที่ดีเสมอ แต่ถ้าใครกำลังลังเลว่าจะมาเรียนที่เกาหลีเลยดีไหม
ถ้าทุกอย่างรอบด้านพร้อมแล้ว เราแนะนำมากๆ มันเปิดโลก เปิดโอกาส เราจะได้เจอเพื่อนหลายชาติและจะได้พูดคุยเรียนรู้ที่มาที่ไปของเพื่อนๆ
และมันจะทำให้เรามองย้อนไปที่ตัวเราเอง และประเทศที่เราจากมาก
เนิ่นนานมากที่ไม่ได้เขียนบล็อก อาจจะวนๆ งงๆ ไปบ้าง
ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ
ฝากเพจด้วย แม้จะไม่ค่อยมีอะไรอัพเดทมาก แต่พยายามคิดเรื่องมาอัพเดทตลอดนะ...
เรื่องเพื่อนๆ ในห้องยังไม่จบเท่านี้ค่ะ ถ้ามีโอกาสจะเอาเรื่องราวเพื่อนในเลเวลอื่นๆ ให้ฟัง
:D
วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558
[Study in Sogang] - เยี่ยมโรงอาหารที่ซอกัง
วันนี้จะพามาเยี่ยมโรงอาหารของม.ซอกัง
บอกก่อนเลยว่าครั้งแรกที่เข้ามาใช้บริการโรงอาหารที่นี่ งงมาก เพราะมันค่อนข้างเป็นระบบและทันสมัยมาก ...
เข้ามาถึงโรงอาหาร อันดับแรกเลยต้องมาส่องก่อนว่าวันนี้มีเมนูอะไร ปกติแล้วเมนูจะเปลี่ยนไปทุกวันไม่ซ้ำกัน ราคาก็จะอยู่ที่ 1800 วอน - 3500 วอน ... ถูกกว่าข้างนอกเยอะมาก ส่วนเรื่องรสชาตินั้น ... ตัดสินกันเอาเองเนาะ
เลือกเมนูได้แล้วก็ถึงเวลาไปรับซื้อคูปอง โรงอาหารที่นี่ไม่ได้ต่อแถวซื้อคูปองแบบบ้านเรา ที่นี่เป็นแมชชีน สามตู้ตั้งเด่นเป็นสง่า เลือก!
กดเลือกเมนูเรียบร้อยแล้ว ก็รับคูปอง
วันนี้เลือกกินเมนู 2500 วอน ประมาณ 75 บาทไทย เป็นเมนูราคายอดฮิตที่เด็กที่นี่ทานกัน ได้คูปองมาแล้วก็ถึงเวลาเดินเข้าไปในโรงอาหารจริงๆ กันสักที ...
โรงอาหารที่นี่ไม่ใหญ่มาก เป็นระเบียบเรียบร้อย จัดเป็นสัดส่วน และทุกคนเข้ามาเพื่อทานอาหารกันจริงๆ เราไม่เคยเห็นบรรยากาศการจองโต๊ะหรือการเอาการบ้าน งาน มาทำกันในนี้ ...เรามาเพื่อกินกันจริงๆ เนาะ :)
นี่เป็นส่วนของร้านอาหารที่(ปกติ)เราต้องมาต่อแถวเพื่อรับอาหาร แต่วันนี้คนน้อย ไม่ต้องต่อแถว พุ่งตรงไปรับได้เลย ...
รับอาหารเสร็จแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้ของอาหารเกาหลีก็คือ เครื่องเคียง ซึ่งของที่นี่เป็นแบบบริการตัวเอง ตักเท่าที่ตัวเองต้องการ เมนหลักทุกวันที่ต้องมีคือ กิมจิ! นั่นเอง แต่คนที่นี่กินกันเก่งมาก เยอะมากกกกกก... ทำให้เราต้องกินเยอะตามไปด้วย (หรา)
หน้าตาอาหารที่เลือกมา จำชื่อไม่ได้แล้ว แต่ปกติเมนู 2500 วอน จะไม่มีเนื้อสัตว์ (ฮ่าๆ ) ... แต่ที่โป๊ะหน้าตอนนี้น่าจะเป็นทูน่านะ
กินๆ กันให้เกลี้ยง หรือไม่เกลี้ยง แต่เมื่อกินเสร็จแล้ว ต้องมาคืนถาดอาหาร ... ขนาดการคืนถาดยังทันสมัยเลย ดูดิ
แยกถาด แยกช้อน แยกซ้อม อีโมด้านหลังจะได้ไม่เหนื่อยมากเนาะ ...
เหมือนโรงอาหารที่อื่น มีน้ำดื่มบริการให้ฟรี มีกระดาษทิชชู่และกระจกให้เช็คตัวเองก่อนออกไปพบโลกภายนอกด้วย ... เจ๋งเว่อร์ !!!
https://www.facebook.com/sogangbychickimilk/
หวังว่าจะมีโอกาสได้อัพเนื้อหาใหม่ๆ อีกนะ
ตอนนี้เปิดเพจแล้ว ไปกดไลค์กันได้ค่าาา...
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)